ว่าด้วยเรื่องพัดลมดูดควัน

มารู้จักการทำงานของพัดลมกันเถอะ !!!

พัดลมทุกชนิดจะทำหน้าที่หลักๆอยู่ 2 ประเภทคือ

1.ความสามารถในการดูดอากาศ และ 2.ความสามารถในการเติมอากาศ

เนื่องจากหลักการทำงานของพัดลมคือ การสร้างความแตกต่างแรงดัน เราจะดูดลมด้านหนึ่งเพื่อเป่าออกอีกด้านหนึ่ง นี่คือคำอธิบายง่ายๆเพื่อให้เห็นภาพ

และความสามารถดังกล่าวของพัดลมแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะโครงสร้าง ลักษณะวัสดุที่ใช้ในการผลิต และปัจจัยอื่นๆ เช่น

–  พัดลมครูเกอร์ฯ รุ่น BSB (Single Inlet Centrifugal fan with Backward wheels) เหมาะกับงานประเภทดูดอากาศมากกว่าเป่า ด้วยลักษณะโครงสร้างพัดลม ที่มีช่องทางดูดหนึ่งด้าน-เป่าหนึ่งด้าน ส่วนใหญ่นิยมใช้ต่อท่อในงานดูดควันตามร้านอาหาร

–  พัดลมครูเกอร์ฯ ประเภท Jet Fan   ส่วนใหญ่ใช้ในงานเป่าส่งลมไล่อากาศร้อน อากาศมลพิษในลานจอดรถ
–  พัดลมครูเกอร์ฯ ประเภทติดผนัง รุ่น APL ก็เหมาะกับงานระบายอากาศ  เพราะความสามารถในการดูดและเป่าลมไม่สูงมาก  ด้วยลักษณะใบเป็น Axial ดูดตรง เป่าตรง ตัวพัดลมจึงสร้างแรงดันลมได้ไม่สูงนัก

 

ทำไมต้องเลือกใช้พัดลมใบเหล็ก(BSB)สำหรับงานดูดอากาศในครัว  

ทำไมถึงไม่นิยมใช้ใบกรงกระรอก(FSA)  ประเด็นนี้เป็นเรื่องทีน่าสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับลูกค้าที่ต้องการหาพัดลมเพื่อดูดควันในครัว เราจะขออธิบายคร่าวๆให้เข้าใจกันง่ายๆนะคะ 

–  พัดลมครูเกอร์ฯรุ่น BSB เป็นพัดลมประเภทที่มีใบพัดหน้ากว้าง จำนวนใบไม่มาก แต่ลักษณะการทำลมของใบพัด จะใช้หลังใบในการตีลม ทำให้คราบต่างๆที่มากับอากาศหรือควันในระหว่างที่ทำอาหาร ถูกดูดและสลัดออกจากใบพัด….คำถามต่อมาคือ สลัดไปไหน?  คราบเหล่านี้จะเกาะอยู่ตามโครงสร้างพัดลม  และมารวมกันในจุดด้านล่างสุด ที่จะมีจุกสำหรับการถ่ายน้ำมันออกเรียกว่า Drian Plug ค่ะ
–  พัดลมครูเกอร์ฯประเภท FSA เป็นพัดลมประเภทที่ใบพัดมีลักษณะคล้ายกรงกรอก ขนาดใบเล็กและถี่  ลักษณะการทำลมจะใช้วิถีกวักลมเข้า เมื่อใช้ในงานดูดควันที่มีคราบน้ำมันหรือสิ่งสกปรก  จะทำให้คราบเหล่านี้เกาะตามโคนใบ  เมื่อใช้ไปในระยะเวลาหนึ่ง ใบพัดจะเสียสมดุล(คราบที่เกาะ ก็เหมือนการถ่วงน้ำหนักที่ใบพัดเพิ่ม) ทำให้พังและชำรุดไปในที่สุด  จึงเหมาะกับงานประเภท Fresh Air เติมลมมากกว่า เพราะอากาศที่จะเติมเข้าไปไม่มีคราบสกปรกจากการทำครัว

คำถามถัดมาคือ…จำเป็นไหม?   ถ้าเรามีพัดลมดูดควันออก แล้วต้องมีพัดลมเติมอากาศเข้า
คำตอบคือ  แล้วแต่ลักษณะหน้างาน เช่น ถ้าเป็นห้องที่มีการเปิด-ปิดประตู อยู่เป็นประจำ อากาศก็จะเข้ามาเองโดยธรรมชาติ  ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมช่วยเติมก็อากาศก็ได้  หากต้องการเติมก็สามารถทำได้ แต่จะเป็นการสิ้นเปลืองสำหรับลูกค้า  ในทางกลับกันหากห้องนั้นเป็นห้องที่ไม่มีระบบให้อากาศถ่ายเทเข้ามาเลย  จำเป็นต้องใช้พัดลมเติมอากาศ (Fresh Air) เข้าช่วย  เพราะหากไม่เติม คนที่ต้องอยู่ในห้องดังกล่าวจะรู้สึกร้อน ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว  เพราะอากาศไม่มีการถ่ายเทหรือหมุนเวียน

แต่ร้านอาหารที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จำเป็นต้องมีพัดลมเติมอากาศ  เนื่องจากหากในร้านมีการดูดควันอากาศออก นั่นหมายความว่าอากาศในห้องจะเป็นลบ ทำให้อากาศเย็นในห้างสรรพสินค้าที่มีค่าเป็นบวกไหลเข้ามาในร้านอาหารนั้นๆ  ในกรณีนี้จะส่งผลให้อากาศในห้างสรรพสินค้าความเย็นลดลง และจะเป็นการเพิ่มภาระในการทำความเย็นของห้างสรรพสินค้า  ลักษณะการเติมอากาศในร้านอาหารอาจจะใช้วิธีสร้างม่านอากาศบริเวณประตูปิด-เปิดก็ได้ เพื่อป้องกันการไหลของอากาศในห้างสรรพสินค้าเข้ามา

 

จะเลือกพัดลมดูดควันในครัว ต้องรู้อะไรบ้าง

  1. ขนาด Hood หรือกระโจม ที่ใช้ในการดูดควัน (ความกว้าง*ความยาว) ยิ่ง Hood ขนาดใหญ่ ก็จำเป็นต้องใช้พัดลมที่ดูดลมปริมาณมาก
  2. ความยาวท่อโดยรวม และจำนวนข้องอของท่อ การเดินทางของลม ยิ่งไกลยิ่งงอก็จะยิ่งสูญเสียลมไประหว่างทาง  ทำให้จำเป็นต้องทราบ Pressure Loss แรงดันที่สูญเสียไปด้วย

ทำไมต้องใช้ Hood ในการดูดควันด้วย?

หากดูดควันจากท่อโดยตรง  พื้นที่ที่สามารถดูดควันได้ก็จะเป็นพื้นที่ของหน้าตัดท่อ ซึ่งมีบริเวณค่อนข้างแคบ  การใช้ Hood คือการกำหนดพื้นที่ที่ต้องการดูดควันให้ครอบคลุมทั้งหมด

แล้วเราควรเลือกใช้ Hood ขนาดเท่าไหร่?

ไม่ยากเลย สำหรับคำถามนี้  ให้เลือกขนาดที่ใหญ่กว่าขนาดเตาเล็กน้อย  ถ้าทราบขนาดเตาก็จะทราบขนาด Hood ที่ควรเลือกใช้

Hood จำเป็นต้องมีตะแกรงกรองน้ำมันไหม?

คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับลูกค้าเลยค่ะ  ตะแกรงกรองน้ำมัน ก็คือด่านแรกที่ใช้ดักจับคราบน้ำมันก่อนถูกดูดไปถึงตัวพัดลม เพราะคราบน้ำมันที่ถูกดูดเข้าตัวพัดลม ส่วนหนึ่งนอกจากเกาะตามโครงสร้างพัดลมแล้ว ยังถูกเป่าออกทางอากาศภายนอกด้วยเช่นกัน (ถ้ามีบ้านใกล้เรือนเคียงอยู่ติดๆกัน ก็ควรใส่ตะแกรงกรองน้ำมันค่ะ เพื่อป้องกันคราบที่อาจจะหลุดไปรบกวนบ้างข้างๆให้น้อยที่สุด)

 

รูปแบบการติดตั้งท่อดูด-เป่าสำคัญไฉน?…….สำคัญมาก !!

เนื่องจากการทำงานของอากาศ(ลม) จะแปรเปลี่ยนทิศทางการไหลตามลักษณะของท่อ  การเดินท่อที่ดีย่อมมีผลมากต่อการเดินทางของลม ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าเราเดินท่อพัดลมด้านเป่าสั้นและมีข้อง้อหักทันที ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาแผ่นสังกะสีปิดปากพัดลม นั่นหมายความว่า ลมที่ออกจากตัวพัดลมจะออกไปได้น้อย เกิดสภาวะลมอั้น  เมื่อทิศทางของลมแปรปรวนบางส่วนอาจพุ่งออกไปได้ แต่บางส่วนก็อาจจะย้อนกลับ หรือบางส่วนก็จะไปพุ่งใส่ท่อทำให้ท่อเกิดความเสียหาย  การติดตั้งลักษณะนี้ต่อให้พัดลมดูดได้แรงแค่ไหนก็จะไม่สามารถนำลมออกไปได้เช่นกัน

***ลมที่ดูดเข้ามาและลมเป่าออกไป ควรมีระยะให้ลมไม่ปั่นป่วน เพื่อจะได้ปริมาณลมที่เต็มประสิทธิภาพ***

 

รูปด้านล่างคือ ลักษณะและระยะแนะนำ ในการติดตั้งท่อทางดูด-เป่า ของพัดลมครูเกอร์ฯ